แจ้งซื้อหุ้นบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด

ที่ ซท./2001/0035 5 กุมภาพันธ์ 2544 เรื่อง แจ้งซื้อหุ้นบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เอกสารแนบ: - วัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด - ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ - สรุปโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ด้วยบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) "สเตคอน" ได้ทำการซื้อ หุ้น บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของสเตคอน ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่า ห้องชุดสำนักงานอาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ทุนจดทะเบียนบริษัท 500,000,000 บาท เนื่องจากสเตคอนเล็ง เห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจอาคารสำนักงานในอนาคต โดยมีรายละเอียดการซื้อหุ้นดังต่อไปนี้ บริษัทได้ดำเนินการซื้อหุ้น บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด จำนวน 9,300,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 7.00 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 65,100,000 บาท (หกสิบห้าล้านหนึ่งแสนบาท) จาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544 จากการซื้อหุ้นดังกล่าวทำให้บริษัทถือครองหุ้นในบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด เพิ่ม ขึ้นจากร้อยละ 47.6 เป็นจำนวนร้อยละ 66.2 ของทุนจดทะเบียน บริษัทขอเรียนว่ารายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่องรายการที่ เกี่ยวโยงกัน และการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท รายละเอียดดังเอกสารแนบ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและโปรดเผยแพร่ต่อผู้ลงทุนและประชาชนต่อไป ขอแสดงความนับถือ ( นายวรพันธ์ ช้อนทอง ) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ส่วนงานบัญชีและการเงิน วัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด การที่สเตคอนได้ลงทุนในบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด เนื่องจากบริษัทได้เล็งเห็นแนวโน้มที่ดีของธุรกิจอาคาร สำนักงานซึ่งเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นจากภาวะซบเซาในปี 2541 โดยมีปัจจัยสนับสนุน ดังนี้ - อัตราค่าเช่าพื้นที่ในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับเมืองหลักอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นปัจจัย ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ - การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้พื้นที่อาคารสำนักงาน ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด คือการบริหารอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคาร สำนักงานขนาดใหญ่ในย่านถนนอโศก จุดแข็งของอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ที่ส่งผลต่อความสามารถใน การแข่งขัน ได้แก่ - ทำเลที่ตั้งดี โดยตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง คือ ถนนอโศก และซอย สุขุมวิท 23 (ประสานมิตร) อยู่ใกล้สถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ การท่าเรือแห่งประเทศไทย - การคมนาคมสะดวก เนื่องจากอาคารตั้งอยู่บนถนนอโศกซึ่งเชื่อมต่อกับถนนสำคัญหลายสาย ได้แก่ ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี ทำให้เดินทางไปมาได้สะดวก - มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี ประกอบไปด้วยที่จอดรถ ระบบรักษาความปลอดภัยและระบบป้องกัน อัคคีภัยที่ได้มาตรฐาน - มีสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ ธนาคาร ที่ทำการไปรษณีย์ สำนักงานเขต - ความเป็นมืออาชีพของผู้บริหาร เอช ที อาร์ เนื่องจากบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจด้าน อสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลานาน จึงมีความชำนาญในการบริหารงานทำให้มีความสามารถใน การแข่งขันในธุรกิจสูง จากโอกาสและจุดแข็งดังกล่าว สเตคอน เห็นว่าบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด มีแนวโน้มที่จะเติบโตและ เป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการบริหารอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ทำให้สเตคอน มีความมั่นใจที่จะลงทุนในบริษัทดังกล่าว ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ถึงแม้ว่าภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะซบเซาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่สเตคอนเล็งเห็นถึงแนวโน้มการ เติบโตของบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ในอนาคต ทำให้สเตคอนตัดสินใจที่จะลงทุนในบริษัทดังกล่าว หลังจากที่สเตคอนซื้อหุ้นบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด แล้ว จะทำให้สเตคอนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด โดยมีจำนวนหุ้นทั้งสิ้น 33,100,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 66.20% ของทุนจดทะเบียนที่ เรียกชำระแล้ว ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วในเบื้องต้นว่า บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด มีแนวโน้มธุรกิจที่ดีโดยเป็นผลจากการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโดยรวมและความสามารถในการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูงของบริษัท การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำให้ สเตคอนสามารถควบคุมและบริหารงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและ คล่องตัว ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงสุด สรุปโครงสร้างการถือหุ้น บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด โครงสร้างการถือหุ้นก่อนทำการซื้อหุ้น ผู้ถือหุ้น % จำนวนหุ้น กลุ่ม ซิโน-ไทย 47.60% 23,800,000 กลุ่ม ธนชาติ 19.10% 9,550,000 ธนาคารไทยพาณิชย์ 18.60% 9,300,000 กลุ่ม อัมรินทร์ 14.70% 7,350,000 รวม 100% 50,000,000 โครงสร้างการถือหุ้นหลังจากซื้อหุ้น ผู้ถือหุ้น % จำนวนหุ้น กลุ่ม ซิโน-ไทย 66.20% 33,100,000 กลุ่ม ธนชาติ 19.10% 9,550,000 กลุ่ม อัมรินทร์ 14.70% 7,350,000 รวม 100% 50,000,000